เมื่อตอนยังเป็นเด็กนักเรียน ม.ปลาย ตอนนั้นยังจน ยังไม่รู้จักการประกันตัวจำเลยหรือผู้ต้องหา ปกติต้องนั่งรถสองแถวกลับบ้าน บางวัน ตกรถ เพราะเล่นกีฬาเลิกเย็นไปหน่อย เชื่อมั้ยว่า เราแทบไม่ต้องโบกรถชาวบ้านเลย คนสมัยก่อนใจดีมาก (เพราะมันไม่มีคดีความและผู้ต้องหาเยอะเหมือนตอนนี้) แค่เห็นเด็กใส่ชุดนักเรียน ก็เตรียมจอดรับและถามเลยว่าจะไปลงที่ไหน บางคนใจดีมาก ไปส่งถึงบ้านด้วยซ้ำไป รู้สึกซึ้งน้ำใจมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ถ้าเป็นปัจจุบันนี้คงไม่ใช่แล้วนะ น้ำใจคนสมัยนี้หาได้ยากเย็นเหลือเกิน ส่วนนึงอาจจะมาจากสภาพเศรษฐกิจ และคนก็มีพิษมีภัยมากขึ้น ทุกคนต้องอยู่อย่างระมัดระวัง ตัว ขืนจอดรับคนขึ้นรถสุ่มสี่สุ่มห้า เจอนักเรียนโจร ขนยาเสพติดขึ้นมาด้วย จะซวยไม่รู้ตัว จนต้อง ประกันตัว เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เห็นมั้ย เรื่องมันเกิดขึ้นง่าย ๆเท่านี้เอง ไม่เกิดกับตัวคงไม่เข้าใจเราอยูในวงการประกันตัวเห็นคดีแปลกๆ แบบที่ไม่น่าจะเกิดมาเยอะมาก สู้สมัยเด็กนักเรียนไม่ได้เลย
ว่าไปแล้วสถานการณ์เกี่ยวกับยาเสพติดในเมืองไทยมีความรุนแรง เรื่องนี้กล่าวถึงหลาย ๆ ครั้งแล้ว และรูปแบบการขนย้ายยามีความหลากหลาย เท่าที่คนจะคิดกันออก ไม่ต้องกลัว คนเหล่านี้ทำกันหลายรูปแบบ ไม่แปลกถ้าบางคน จะไม่รับคนแปลกหน้า ขึ้นมาโดยสารบนรถของตัวเอง หากว่าในกระเป๋าสะพายของเขาเหล่านั้น มียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ เมื่อข้างหน้ามีด่านตำรวจ ตรวจเจอยาเสพติดในรถยนต์ของเรา คนทั้งหมดในรถยนต์นั้น ตกเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด ส่วนจะไปแก้ต่างว่า เราพึ่งรับคนแปลกหน้าขึ้นมาหรืออย่างไร นั่นเป็นเรื่องในชั้นศาล แต่ที่แน่และแน่ที่สุดท่านเสียเวลา เสียสุขภาพจิต เสียเงิน มันแน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้น ในโลกยุควันปัจจุบันนี้หากว่า ผู้คนอาจจะใจจืดใจดำ ไม่รับคนแปลกหน้าขึ้นรถยนต์ของตนเอง ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่แปลก เพราะว่า คนโดยเฉลี่ยในสมัยนี้อาจจะไว้ใจไม่ได้ ไปเสียทุกคน แต่คนดีก็ยังมีอยู่เยอะ เพียงแต่ว่าการเจอกัน ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่สามารถวินิจฉัยว่า ผู้นั้นเป็นคนอย่างไร